รายละเอียดสินค้า
INCI NAME : Sodium Metabisulphite
*ละลายน้ำ
รายละเอียดการนำไปใช้:
ลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาว เป็นตัว Antioxidation โดยไปป้องกันการเปลี่ยนสีของสารไม่ให้เกิดสีน้ำตาล
(ผลิตภัณฑ์ควรอยู่ในช่วง pH 6.5-7)
การนำไปใช้/ปริมาณการใช้:
ครีมแก้ฝ้า (0.5-1%)
ครีมบำรุงผิวหน้าขาว (0.5-1%)
ครีมบำรุงผิวขาว (0.5-1%)
Sodium Metabisulphite (โซเดียมเมตาไบซัลไฟต์) เป็นสารเคมีที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เนื่องจากคุณสมบัติในการ ต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยรักษาเสถียรภาพของสูตร โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่ไวต่อออกซิเจน หรือเสื่อมสภาพได้ง่าย เช่น วิตามิน ซี วิตามิน อี หรือสารสกัดธรรมชาติบางชนิด
คุณสมบัติเด่นของ Sodium Metabisulphite ในเครื่องสำอาง
1.สารต้านออกซิเดชัน (Antioxidant Agent):
ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันในผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในสูตรที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสารที่ไวต่อการเสื่อมสภาพจากแสงและอากาศ เช่น วิตามิน C, E, Q10 เป็นต้น
2.สารช่วยคงเสถียรภาพของสูตร (Stabilizer):
ทำให้สูตรเครื่องสำอางคงตัวได้ดี ลดการเปลี่ยนสี การแยกชั้น และช่วยให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์คงที่ตลอดอายุการใช้งาน
3.สารต้านจุลชีพระดับเบา:
ถึงแม้จะไม่ใช่สารกันเสียหลัก แต่ Sodium Metabisulphite ยังช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดในระดับหนึ่ง
ปริมาณการใช้ที่เหมาะสม
- ปริมาณที่แนะนำ: 0.1 – 0.5%
- ขึ้นอยู่กับประเภทของสูตร เช่น serum, lotion, cream, essence, หรือ toner
- ไม่ควรใช้เกินจากที่กำหนดโดย มาตรฐานความปลอดภัยของ EU (Cosmetic Regulation EC No. 1223/2009) และ ASEAN Cosmetic Directive
การใช้ Sodium Metabisulphite ในสูตรเครื่องสำอาง
1.ควรละลายให้สมบูรณ์ในเฟสน้ำ (Water phase) ก่อนผสมกับส่วนประกอบอื่น
2.pH ที่เหมาะสม: ควรใช้ในสูตรที่มี pH 4 – 6 เพื่อเสถียรภาพสูงสุด
3.ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับสารออกซิไดซ์แรง เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือสารไวแสง เนื่องจากอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำลายสูตร
ตัวอย่างการนำไปใช้
- เซรั่มวิตามินซี: ใช้ Sodium Metabisulphite ในปริมาณ 0.2% เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสีกลายเป็นน้ำตาล และช่วยให้วิตามิน C คงคุณภาพได้นาน
- ครีมกันแดดที่มีสารสกัดธรรมชาติ: ผสม 0.1% เพื่อเพิ่มอายุการใช้งาน และช่วยให้สูตรไม่เปลี่ยนสีหรือกลิ่น
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว: ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มจะเกิดกลิ่นจากการเสื่อมของไขมัน
ความปลอดภัยและข้อควรระวัง
- ผู้ใช้บางรายอาจแพ้หรือระคายเคืองต่อ Sodium Metabisulphite โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- ควรติดฉลากให้ชัดเจนหากผลิตภัณฑ์มีสารนี้
- การทดสอบ HRIPT (Human Repeat Insult Patch Test) แนะนำให้ทำหากมีการใช้ในสัดส่วนสูงกว่า 0.3%
Sodium Metabisulphite เป็นสารสำคัญที่ช่วยให้สูตรเครื่องสำอางมีความคงตัว ยืดอายุการเก็บรักษา และคงคุณภาพของสารออกฤทธิ์ไว้ได้นานขึ้น หากใช้อย่างถูกวิธีและในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ พร้อมมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและทรงประสิทธิภาพแก่ผู้บริโภค
*ละลายน้ำ
รายละเอียดการนำไปใช้:
ลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาว เป็นตัว Antioxidation โดยไปป้องกันการเปลี่ยนสีของสารไม่ให้เกิดสีน้ำตาล
(ผลิตภัณฑ์ควรอยู่ในช่วง pH 6.5-7)
การนำไปใช้/ปริมาณการใช้:
ครีมแก้ฝ้า (0.5-1%)
ครีมบำรุงผิวหน้าขาว (0.5-1%)
ครีมบำรุงผิวขาว (0.5-1%)
Sodium Metabisulphite (โซเดียมเมตาไบซัลไฟต์) เป็นสารเคมีที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เนื่องจากคุณสมบัติในการ ต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยรักษาเสถียรภาพของสูตร โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่ไวต่อออกซิเจน หรือเสื่อมสภาพได้ง่าย เช่น วิตามิน ซี วิตามิน อี หรือสารสกัดธรรมชาติบางชนิด
คุณสมบัติเด่นของ Sodium Metabisulphite ในเครื่องสำอาง
1.สารต้านออกซิเดชัน (Antioxidant Agent):
ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันในผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในสูตรที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสารที่ไวต่อการเสื่อมสภาพจากแสงและอากาศ เช่น วิตามิน C, E, Q10 เป็นต้น
2.สารช่วยคงเสถียรภาพของสูตร (Stabilizer):
ทำให้สูตรเครื่องสำอางคงตัวได้ดี ลดการเปลี่ยนสี การแยกชั้น และช่วยให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์คงที่ตลอดอายุการใช้งาน
3.สารต้านจุลชีพระดับเบา:
ถึงแม้จะไม่ใช่สารกันเสียหลัก แต่ Sodium Metabisulphite ยังช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดในระดับหนึ่ง
ปริมาณการใช้ที่เหมาะสม
- ปริมาณที่แนะนำ: 0.1 – 0.5%
- ขึ้นอยู่กับประเภทของสูตร เช่น serum, lotion, cream, essence, หรือ toner
- ไม่ควรใช้เกินจากที่กำหนดโดย มาตรฐานความปลอดภัยของ EU (Cosmetic Regulation EC No. 1223/2009) และ ASEAN Cosmetic Directive
การใช้ Sodium Metabisulphite ในสูตรเครื่องสำอาง
1.ควรละลายให้สมบูรณ์ในเฟสน้ำ (Water phase) ก่อนผสมกับส่วนประกอบอื่น
2.pH ที่เหมาะสม: ควรใช้ในสูตรที่มี pH 4 – 6 เพื่อเสถียรภาพสูงสุด
3.ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับสารออกซิไดซ์แรง เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือสารไวแสง เนื่องจากอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำลายสูตร
ตัวอย่างการนำไปใช้
- เซรั่มวิตามินซี: ใช้ Sodium Metabisulphite ในปริมาณ 0.2% เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสีกลายเป็นน้ำตาล และช่วยให้วิตามิน C คงคุณภาพได้นาน
- ครีมกันแดดที่มีสารสกัดธรรมชาติ: ผสม 0.1% เพื่อเพิ่มอายุการใช้งาน และช่วยให้สูตรไม่เปลี่ยนสีหรือกลิ่น
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว: ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มจะเกิดกลิ่นจากการเสื่อมของไขมัน
ความปลอดภัยและข้อควรระวัง
- ผู้ใช้บางรายอาจแพ้หรือระคายเคืองต่อ Sodium Metabisulphite โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- ควรติดฉลากให้ชัดเจนหากผลิตภัณฑ์มีสารนี้
- การทดสอบ HRIPT (Human Repeat Insult Patch Test) แนะนำให้ทำหากมีการใช้ในสัดส่วนสูงกว่า 0.3%
Sodium Metabisulphite เป็นสารสำคัญที่ช่วยให้สูตรเครื่องสำอางมีความคงตัว ยืดอายุการเก็บรักษา และคงคุณภาพของสารออกฤทธิ์ไว้ได้นานขึ้น หากใช้อย่างถูกวิธีและในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ พร้อมมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและทรงประสิทธิภาพแก่ผู้บริโภค