รายละเอียดสินค้า
INCI NAME : Urea
*ละลายในน้ำ
รายละเอียดการนำไปใช้:
ลักษณะเป็นผงสีขาว ละลายในน้ำ (ใส่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำสูตร) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่ดี ซึมผ่านผิวหนังได้
ช่วยทำให้ผิวยืดหยุ่น ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวบริเวณที่แห้งกร้าน เช่นข้อศอก ส้นเท้าแตก และบริเวณอื่น ๆ
การนำไปใช้/ปริมาณการใช้:
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (1-3%)
ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งกร้านมาก (3-5%)
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรเข้มข้น (2-5%)
Urea หรือที่เรียกกันว่า “ยูเรีย” เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิวหนังมนุษย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็น Natural Moisturizing Factor (NMF) ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวและคงความชุ่มชื้นไว้ในชั้นผิว ทำให้ผิวดูนุ่มนวลและยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จึงเป็นสารที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเพื่อดูแลผิวแห้งเสียและปัญหาผิวต่าง ๆ
สรรพคุณและคุณประโยชน์ของ Urea
1.เพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำในผิว
Urea มีคุณสมบัติเป็นสารดูดน้ำ (humectant) ที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวและเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาผิวแห้งกร้านและผมแห้งเสีย
2.ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (ประมาณ 5-10%) Urea ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดคราบแห้งบนผิวหนัง
3.เสริมสร้างความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว
ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นในผิวหนัง และลดการระคายเคืองสำหรับผิวแพ้ง่าย
4.เหมาะกับผิวแห้งมากและผิวที่มีปัญหาโรคผิวหนังบางชนิด
เช่น ผิวหนังด้าน แข็ง หรือลอกเป็นขุย
การใช้ Urea กับเครื่องสำอางรูปแบบไหนเหมาะสมที่สุด?
1.ครีมและโลชั่นบำรุงผิวสำหรับผิวแห้ง-แห้งมาก
ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เน้นให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวแห้งเสีย โดยเฉพาะบริเวณข้อศอก ข้อเข่า และผิวที่หยาบกร้าน
2.ครีมบำรุงสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่มีปัญหาผิวหนังเฉพาะทาง
เช่น ผลิตภัณฑ์รักษาผิวที่มีอาการคัน ผิวหนังลอก
3.โลชั่นและทรีตเมนต์สำหรับเส้นผมและหนังศีรษะ
ในสูตรที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูหนังศีรษะแห้ง ลดอาการคันหรือหนังศีรษะแห้งลอก
4.ผลิตภัณฑ์สำหรับเท้าและมือ
ใช้ในการฟื้นฟูผิวที่แห้งแตกและหยาบกร้าน
ปริมาณการใช้ที่แนะนำ
- ใช้ในช่วง 2-10% ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์
- ปริมาณ 2-5% เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นทั่วไปและผิวบอบบาง
- ปริมาณ 5-10% เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่เน้นผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน
- ควรผสมในขั้นตอนเย็น (Cool Down Phase) เพื่อรักษาคุณสมบัติของ Urea
- ไม่ควรใช้เกิน 10% ในเครื่องสำอางเพื่อป้องกันการระคายเคือง
ข้อควรระวัง
- ในความเข้มข้นสูง (มากกว่า 10%) Urea อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในผิวบางประเภท จึงควรทดสอบก่อนใช้ในสูตรใหม่
- เก็บรักษาในที่เย็นและแห้ง เพื่อรักษาประสิทธิภาพและป้องกันการเปลี่ยนแปลงของสาร
Urea เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่มีคุณค่าและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับใช้ในเครื่องสำอางที่เน้นดูแลผิวแห้ง แห้งมาก หรือผิวที่มีปัญหาผิวหนัง โดยใช้ในปริมาณ 2-10% เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดและปลอดภัย ทั้งนี้ การเลือกใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ เช่น ครีม โลชั่น ทรีตเมนต์ผม จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงและฟื้นฟูผิวและเส้นผมได้อย่างครบถ้วน
*ละลายในน้ำ
รายละเอียดการนำไปใช้:
ลักษณะเป็นผงสีขาว ละลายในน้ำ (ใส่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำสูตร) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวที่ดี ซึมผ่านผิวหนังได้
ช่วยทำให้ผิวยืดหยุ่น ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวบริเวณที่แห้งกร้าน เช่นข้อศอก ส้นเท้าแตก และบริเวณอื่น ๆ
การนำไปใช้/ปริมาณการใช้:
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (1-3%)
ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้งกร้านมาก (3-5%)
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรเข้มข้น (2-5%)
Urea หรือที่เรียกกันว่า “ยูเรีย” เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิวหนังมนุษย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็น Natural Moisturizing Factor (NMF) ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวและคงความชุ่มชื้นไว้ในชั้นผิว ทำให้ผิวดูนุ่มนวลและยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จึงเป็นสารที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเพื่อดูแลผิวแห้งเสียและปัญหาผิวต่าง ๆ
สรรพคุณและคุณประโยชน์ของ Urea
1.เพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำในผิว
Urea มีคุณสมบัติเป็นสารดูดน้ำ (humectant) ที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวและเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาผิวแห้งกร้านและผมแห้งเสีย
2.ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (ประมาณ 5-10%) Urea ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวเรียบเนียนและลดคราบแห้งบนผิวหนัง
3.เสริมสร้างความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว
ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นในผิวหนัง และลดการระคายเคืองสำหรับผิวแพ้ง่าย
4.เหมาะกับผิวแห้งมากและผิวที่มีปัญหาโรคผิวหนังบางชนิด
เช่น ผิวหนังด้าน แข็ง หรือลอกเป็นขุย
การใช้ Urea กับเครื่องสำอางรูปแบบไหนเหมาะสมที่สุด?
1.ครีมและโลชั่นบำรุงผิวสำหรับผิวแห้ง-แห้งมาก
ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เน้นให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวแห้งเสีย โดยเฉพาะบริเวณข้อศอก ข้อเข่า และผิวที่หยาบกร้าน
2.ครีมบำรุงสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือผิวที่มีปัญหาผิวหนังเฉพาะทาง
เช่น ผลิตภัณฑ์รักษาผิวที่มีอาการคัน ผิวหนังลอก
3.โลชั่นและทรีตเมนต์สำหรับเส้นผมและหนังศีรษะ
ในสูตรที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูหนังศีรษะแห้ง ลดอาการคันหรือหนังศีรษะแห้งลอก
4.ผลิตภัณฑ์สำหรับเท้าและมือ
ใช้ในการฟื้นฟูผิวที่แห้งแตกและหยาบกร้าน
ปริมาณการใช้ที่แนะนำ
- ใช้ในช่วง 2-10% ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์
- ปริมาณ 2-5% เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นทั่วไปและผิวบอบบาง
- ปริมาณ 5-10% เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่เน้นผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน
- ควรผสมในขั้นตอนเย็น (Cool Down Phase) เพื่อรักษาคุณสมบัติของ Urea
- ไม่ควรใช้เกิน 10% ในเครื่องสำอางเพื่อป้องกันการระคายเคือง
ข้อควรระวัง
- ในความเข้มข้นสูง (มากกว่า 10%) Urea อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในผิวบางประเภท จึงควรทดสอบก่อนใช้ในสูตรใหม่
- เก็บรักษาในที่เย็นและแห้ง เพื่อรักษาประสิทธิภาพและป้องกันการเปลี่ยนแปลงของสาร
Urea เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่มีคุณค่าและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับใช้ในเครื่องสำอางที่เน้นดูแลผิวแห้ง แห้งมาก หรือผิวที่มีปัญหาผิวหนัง โดยใช้ในปริมาณ 2-10% เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดและปลอดภัย ทั้งนี้ การเลือกใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ เช่น ครีม โลชั่น ทรีตเมนต์ผม จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงและฟื้นฟูผิวและเส้นผมได้อย่างครบถ้วน