รายละเอียดสินค้า
INCI NAME : Betaine
*สามารถละลายในน้ำและ alcohol ได้ *
*เก็บน้ำใต้ผิวได้มากกว่า GGF **ใช้ร่วมกับ GGF ได้ผลดีมาก
สามารถใช้ร่วมกับสารชำละล้างได้
รายละเอียดการนำไปใช้:
เป็นสารให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวที่มาจากธรรมชาติ บำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่นไม่แห้งตึง ใช้ได้ทั้งในผมและผิว จากผลกาลทดสอบ
เมื่อใช้ aminocoat 5% เทียบกับ Sodium Hyaluronate 3% ที่ระยะเวลาเท่ากัน จะเห็ดได้ว่า aminocoat กักเก็บน้ำได้มากว่า
การนำไปใช้/ปริมาณการใช้:
แชมพู ครีมนวดผม (2-4%)
ผลิตภัณฑ์ที่บำรุงผมพิเศษ (4-7%)
ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวต่างๆ (1-5%)
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวต่างๆ (0.5-2%)
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรพิเศษ (3-10%)
Aminocoat: สารให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว-ผม ที่มีประสิทธิภาพสูง
Aminocoat เป็นสารบำรุงและให้ความชุ่มชื้นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยผสมผสานคุณสมบัติของกรดอะมิโนและสารที่ช่วยเคลือบเส้นผมและผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟู และปกป้องผิวและเส้นผมจากการถูกทำลาย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยเคลือบเส้นผม ลดการพันกัน และทำให้ผมเรียบลื่น
สรรพคุณและคุณประโยชน์ของ Aminocoat
1.เพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว
ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มนวล และยืดหยุ่นขึ้น ลดอาการแห้งกร้าน
2.ฟื้นฟูและเคลือบเส้นผม
Aminocoat ช่วยเคลือบเส้นผม ป้องกันความเสียหายจากความร้อนและมลภาวะ ลดการชี้ฟูและทำให้ผมเรียบลื่น
3.เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
ด้วยส่วนผสมของกรดอะมิโน ช่วยเสริมการสร้างโปรตีนในผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและป้องกันการสูญเสียน้ำ
4.เพิ่มความยืดหยุ่นและความนุ่มนวล
ทั้งผิวและผมจะได้รับการบำรุงล้ำลึก ส่งผลให้ดูสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา
วิธีการนำ Aminocoat ไปใช้ในการผลิตเครื่องสำอางสำเร็จรูป
Aminocoat เหมาะกับการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายประเภท ดังนี้
1.ครีมและโลชั่นบำรุงผิว
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน
2.ผลิตภัณฑ์บำรุงผม เช่น แชมพู คอนดิชันเนอร์ และทรีตเมนต์
ให้ความชุ่มชื้นและเคลือบปกป้องเส้นผมอย่างล้ำลึก
3.ผลิตภัณฑ์เซรั่มหรือเอสเซนส์สำหรับผิวหน้าและผม
เพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและบำรุง
4.ผลิตภัณฑ์กันแดดและเมคอัพบำรุงผิว
ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะและแสง UV
ปริมาณการใช้ Aminocoat ที่แนะนำ
- ปริมาณที่เหมาะสมในการใช้คือ 1-5% ของน้ำหนักสูตร ขึ้นอยู่กับชนิดผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพที่ต้องการ
- ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น ครีมและโลชั่น สามารถใช้ในช่วง 2-4% เพื่อให้ได้ความชุ่มชื้นและการฟื้นฟูผิวที่ดี
- สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น แชมพูและคอนดิชันเนอร์ ใช้ในช่วง 1-3% เพื่อให้ผมชุ่มชื้นและเรียบลื่นโดยไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ในเซรั่มหรือทรีตเมนต์เข้มข้น อาจเพิ่มปริมาณได้สูงสุดประมาณ 5% เพื่อผลลัพธ์ที่ทรงพลัง
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
- Aminocoat ควรผสมในขั้นตอนที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป (ต่ำกว่า 60°C) เพื่อรักษาประสิทธิภาพของสาร
- เก็บรักษาในภาชนะที่ป้องกันแสงและอากาศ เพื่อคงคุณภาพสาร
- ควรทดสอบความเข้ากันได้ของ Aminocoat กับสารอื่นในสูตรเพื่อป้องกันการแยกชั้นหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อผลิตภัณฑ์
- สามารถใช้ร่วมกับสารบำรุงอื่น ๆ เช่น Panthenol หรือ Hyaluronic Acid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
Aminocoat เป็นสารให้ความชุ่มชื้นและบำรุงที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายประเภท ทั้งผิวและผม ด้วยคุณสมบัติการฟื้นฟูและเคลือบเส้นผมและผิวในระดับโมเลกุล การใช้ Aminocoat ในปริมาณที่เหมาะสม 1-5% จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีคุณภาพดีเยี่ยม ปลอดภัย คุ้มค่า และให้ผลลัพธ์ที่ผู้บริโภคพึงพอใจสูงสุด
*สามารถละลายในน้ำและ alcohol ได้ *
*เก็บน้ำใต้ผิวได้มากกว่า GGF **ใช้ร่วมกับ GGF ได้ผลดีมาก
สามารถใช้ร่วมกับสารชำละล้างได้
รายละเอียดการนำไปใช้:
เป็นสารให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวที่มาจากธรรมชาติ บำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่นไม่แห้งตึง ใช้ได้ทั้งในผมและผิว จากผลกาลทดสอบ
เมื่อใช้ aminocoat 5% เทียบกับ Sodium Hyaluronate 3% ที่ระยะเวลาเท่ากัน จะเห็ดได้ว่า aminocoat กักเก็บน้ำได้มากว่า
การนำไปใช้/ปริมาณการใช้:
แชมพู ครีมนวดผม (2-4%)
ผลิตภัณฑ์ที่บำรุงผมพิเศษ (4-7%)
ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวต่างๆ (1-5%)
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวต่างๆ (0.5-2%)
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรพิเศษ (3-10%)
Aminocoat: สารให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว-ผม ที่มีประสิทธิภาพสูง
Aminocoat เป็นสารบำรุงและให้ความชุ่มชื้นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยผสมผสานคุณสมบัติของกรดอะมิโนและสารที่ช่วยเคลือบเส้นผมและผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟู และปกป้องผิวและเส้นผมจากการถูกทำลาย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยเคลือบเส้นผม ลดการพันกัน และทำให้ผมเรียบลื่น
สรรพคุณและคุณประโยชน์ของ Aminocoat
1.เพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว
ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มนวล และยืดหยุ่นขึ้น ลดอาการแห้งกร้าน
2.ฟื้นฟูและเคลือบเส้นผม
Aminocoat ช่วยเคลือบเส้นผม ป้องกันความเสียหายจากความร้อนและมลภาวะ ลดการชี้ฟูและทำให้ผมเรียบลื่น
3.เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
ด้วยส่วนผสมของกรดอะมิโน ช่วยเสริมการสร้างโปรตีนในผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและป้องกันการสูญเสียน้ำ
4.เพิ่มความยืดหยุ่นและความนุ่มนวล
ทั้งผิวและผมจะได้รับการบำรุงล้ำลึก ส่งผลให้ดูสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา
วิธีการนำ Aminocoat ไปใช้ในการผลิตเครื่องสำอางสำเร็จรูป
Aminocoat เหมาะกับการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายประเภท ดังนี้
1.ครีมและโลชั่นบำรุงผิว
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน
2.ผลิตภัณฑ์บำรุงผม เช่น แชมพู คอนดิชันเนอร์ และทรีตเมนต์
ให้ความชุ่มชื้นและเคลือบปกป้องเส้นผมอย่างล้ำลึก
3.ผลิตภัณฑ์เซรั่มหรือเอสเซนส์สำหรับผิวหน้าและผม
เพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและบำรุง
4.ผลิตภัณฑ์กันแดดและเมคอัพบำรุงผิว
ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะและแสง UV
ปริมาณการใช้ Aminocoat ที่แนะนำ
- ปริมาณที่เหมาะสมในการใช้คือ 1-5% ของน้ำหนักสูตร ขึ้นอยู่กับชนิดผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพที่ต้องการ
- ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น ครีมและโลชั่น สามารถใช้ในช่วง 2-4% เพื่อให้ได้ความชุ่มชื้นและการฟื้นฟูผิวที่ดี
- สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น แชมพูและคอนดิชันเนอร์ ใช้ในช่วง 1-3% เพื่อให้ผมชุ่มชื้นและเรียบลื่นโดยไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ในเซรั่มหรือทรีตเมนต์เข้มข้น อาจเพิ่มปริมาณได้สูงสุดประมาณ 5% เพื่อผลลัพธ์ที่ทรงพลัง
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
- Aminocoat ควรผสมในขั้นตอนที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป (ต่ำกว่า 60°C) เพื่อรักษาประสิทธิภาพของสาร
- เก็บรักษาในภาชนะที่ป้องกันแสงและอากาศ เพื่อคงคุณภาพสาร
- ควรทดสอบความเข้ากันได้ของ Aminocoat กับสารอื่นในสูตรเพื่อป้องกันการแยกชั้นหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อผลิตภัณฑ์
- สามารถใช้ร่วมกับสารบำรุงอื่น ๆ เช่น Panthenol หรือ Hyaluronic Acid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
Aminocoat เป็นสารให้ความชุ่มชื้นและบำรุงที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายประเภท ทั้งผิวและผม ด้วยคุณสมบัติการฟื้นฟูและเคลือบเส้นผมและผิวในระดับโมเลกุล การใช้ Aminocoat ในปริมาณที่เหมาะสม 1-5% จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีคุณภาพดีเยี่ยม ปลอดภัย คุ้มค่า และให้ผลลัพธ์ที่ผู้บริโภคพึงพอใจสูงสุด