สีเครื่องสำอาง 1L4808-FIDR30
สรรพคุณ:
ผงสีเหลือง กระจายตัวในน้ำมันได้ดี เป็นสีที่มีความเข้มข้นและปลอดภัยสูง ผ่านตามมาตรฐานFDA อเมริกาและยุโรป เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง ประเภท ลิปสติก ลิปกรอส อายแชโดว์ สบู่
สีเครื่องสำอางชนิดละลายหรือละลายตัวในน้ำมัน: ทางเลือกที่ใช่สำหรับผลิตภัณฑ์ความงามเนื้อเข้มข้น
ความสำคัญของการเลือกใช้สีในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอย่างลึกซึ้ง หนึ่งในกลุ่มของสีที่น่าสนใจและเหมาะกับผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทคือ "สีที่ละลายหรือกระจายตัวในน้ำมัน" หรือที่เรียกในวงการว่า Oil-Soluble Colorants หรือ Oil-Dispersible Pigments
รู้จักสีที่ละลายหรือละลายตัวในน้ำมัน
สีในกลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษคือสามารถละลายหรือกระจายตัวได้ดีในระบบน้ำมัน (oil phase) ซึ่งต่างจากสีที่ละลายในน้ำ (water-soluble) ที่ต้องใช้ในสูตรที่มีฐานเป็นน้ำ สีย้อมในกลุ่มน้ำมันเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น ให้ความติดทนนาน และสามารถเคลือบผิวหรือเส้นผมได้อย่างแนบเนียน
ตัวอย่างของสีในกลุ่มนี้ ได้แก่:
- สีชนิด D&C (Drug & Cosmetic) เช่น D&C Red No. 17, D&C Yellow No. 11
- สีธรรมชาติละลายน้ำมัน เช่น เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene), ลิโคปีน (Lycopene)
- พิกเมนต์อินทรีย์ที่ปรับโครงสร้างให้กระจายตัวในน้ำมันได้ เช่น Iron Oxides แบบ treated
คุณสมบัติเด่นของสีละลายในน้ำมัน
1. ให้สีเข้มข้น – สีในกลุ่มนี้มักให้เฉดสีชัดเจน สีแน่นแม้ใช้ในปริมาณน้อย
2. ทนต่อการหลุดลอก – เมื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีความมัน สีจะติดผิวได้ดี และทนต่อเหงื่อหรือน้ำ
3. สามารถให้เนื้อผลิตภัณฑ์ดูหรูหรา – โดยเฉพาะในลิปสติกหรือบลัชครีม ซึ่งต้องการความชัดของสีและความคงทน
4. เข้ากันได้ดีกับสูตรที่เป็นระบบไร้น้ำ (anhydrous) – เช่น บาล์ม ลิปสติก ออยล์ และผลิตภัณฑ์กันแดดแบบออยล์
ประเภทของเครื่องสำอางที่เหมาะกับการใช้สีละลายในน้ำมัน
การเลือกใช้สีละลายน้ำมันจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบหลัก หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการคุณสมบัติในการเคลือบผิวแบบเนียนแน่นและทนนาน โดยแบ่งออกได้ดังนี้:
1. ลิปสติก และผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปาก
ลิปสติกเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของการใช้สีในระบบน้ำมัน สีละลายน้ำมันสามารถกระจายตัวได้ดีในเบสของลิปซึ่งมักประกอบด้วยขี้ผึ้ง น้ำมัน และเนยธรรมชาติ ทำให้ได้เฉดสีที่ชัดเจน ติดทนนาน และไม่แห้งกร้านริมฝีปาก
2. บลัชออนครีม / คอนทัวร์เนื้อครีม
ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะครีมเข้มข้นจำเป็นต้องใช้พิกเมนต์ที่สามารถกระจายตัวในน้ำมันเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เรียบเนียน และให้เฉดสีสม่ำเสมอทั่วทั้งเนื้อผลิตภัณฑ์ ไม่แยกชั้นระหว่างเนื้อสีและน้ำมัน
3. รองพื้นแบบออยล์ หรือ Foundation Stick
สำหรับรองพื้นแบบแท่งหรือสูตรเข้มข้นไม่มีน้ำ สีที่ละลายในน้ำมันจะให้การปกปิดที่ดีเยี่ยม ไม่เป็นคราบ และช่วยให้เนื้อรองพื้นดูเนียนกลืนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
4. ครีมกันแดดที่มีสี (Tinted Sunscreen / BB Cream / CC Cream)
ในสูตรกันแดดที่ใช้ซิลิโคนออยล์หรือน้ำมันเป็นเบส สีในกลุ่มนี้สามารถให้เฉดสีที่ดูสุขภาพดี และสามารถผสมกับ physical sunscreen เช่น zinc oxide หรือ titanium dioxide ได้ดี
5. ผลิตภัณฑ์สำหรับผม เช่น บาล์มเปลี่ยนสีผมชั่วคราว
สีที่ละลายในน้ำมันสามารถใช้ในบาล์มหรือครีมเปลี่ยนสีผมแบบ wash-off ได้ โดยให้สีที่ติดผิวผมได้ดี แต่สามารถล้างออกได้ง่าย ไม่สะสมตกค้าง
การเลือกใช้ในสูตรเครื่องสำอาง
เมื่อพัฒนาสูตรที่ต้องใช้สีละลายในน้ำมัน สิ่งที่ควรพิจารณา ได้แก่:
- ความเสถียรของสีในสูตร: ต้องเลือกสารกันออกซิเดชันร่วมด้วย เช่น Tocopherol (Vitamin E)
- ความเข้ากันของสีและน้ำมันในสูตร: ต้องมีการเลือกใช้ emulsifiers หรือ dispersing agents ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการตกตะกอน
- กฎหมายและความปลอดภัย: ต้องเลือกใช้สีที่ได้รับการรับรองจาก FDA หรือ อย. (ตามประเทศปลายทาง)
สีละลายในน้ำมัน คือหนึ่งในหัวใจสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เน้นความทนทาน สีชัดเจน และเนื้อสัมผัสที่หรูหรา โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ประเภทลิปสติก รองพื้นเนื้อครีม บลัชครีม และกันแดดที่มีสี ความเข้าใจและการเลือกใช้สีในกลุ่มนี้อย่างเหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ประสบความสำเร็จทั้งด้านประสิทธิภาพและความรู้สึกของผู้ใช้