สารสกัดข้าวหอมมะลิ /ข้าวน้ำนมหอมมะลิ

฿1,177

ปริมาณ : 1kg

รายละเอียดสินค้า

สรรพคุณ:
ปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดเรือนริ้วรอย ป้องกันการทำลายคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับเต่งตึง  ช่วยให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

​​​​​​​
สารสกัดข้าวน้ำนมหอมมะลิ: ความอ่อนโยนจากข้าวไทย เพื่อผิวพรรณแบบเต็มเปี่ยม
ข้าวหอมมะลิเป็นหนึ่งในข้าวไทยที่มีชื่อเสียงทั้งในด้านกลิ่นหอมและรสชาติ แต่มีอีกขั้นของข้าวหอมมะลิที่ยังไม่ค่อยมีคนพูดถึง — คือช่วง “ข้าวน้ำนม” (Rice milk stage) ในการเจริญเติบโตของเมล็ดข้าว ซึ่งเป็นช่วงที่เมล็ดยังอ่อน มีน้ำในเมล็ดสูง และมีสารอาหารเข้มข้นมาก เช่น โปรตีน กรดอะมิโน วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ การนำข้าวหอมมะลิช่วงน้ำนมมาสกัด (Rice Milk Extract) จึงเป็นทางเลือกธรรมชาติที่ให้คุณค่าแก่ผิวพรรณสูง และมีศักยภาพในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางแบบ Clean, Natural, หรือเวชสำอาง

ความหมายและองค์ประกอบทางชีวภาพ
ช่วง “ข้าวน้ำนม”
- “ข้าวน้ำนม” หมายถึงระยะเวลาที่เมล็ดข้าวเริ่มแก่เต็มที่จนถึงก่อนเต็มเมล็ด ราวเวลาที่เมล็ดอ่อนภายในมีน้ำอยู่มาก เป็นระยะที่สารอาหารหลายชนิด เช่น โปรตีน วิตามินบี มิเนอรัลส์ กรดอะมิโน รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ มีปริมาณสูง
- เมื่อนำมาสกัดด้วยวิธีอ่อนโยน เช่น การบดคั้นเย็น (cold‑press) หรือการแช่น้ำนมข้าว แล้วผ่านกระบวนกรอง ควบคุมเชื้อจุลินทรีย์และคุณภาพ ก็จะได้สารสกัดที่คงคุณค่าเหล่านี้ไว้

สารออกฤทธิ์สำคัญ
- แม้ยังไม่มีงานวิจัยเฉพาะเจาะจงสำหรับ “สารสกัดข้าวน้ำนมหอมมะลิ” ทุกตัว แต่มีข้อมูลจากสารสกัดข้าวโดยทั่วไปที่สามารถนำมาอ้างอิงได้:
- วิตามินบี (B‑complex) เช่น ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ซึ่งช่วยปรับสมดุลสีผิว ลดปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ
- กรดอะมิโน (Amino acids) ที่ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ ปรับผิวให้เรียบเนียน และช่วยความชุ่มชื้น
- สารประกอบต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟีนอลิกส์ (Phenolics) กรดเฟอรูลิก (Ferulic acid) และอื่น ๆ ที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ และช่วยลดการอักเสบ
- สารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (Natural Moisturizing Factors, NMFs) ซึ่งอาจรวมถึงแป้งข้าว โปรตีนข้าว หรือสารที่ช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้ดี
- สารจากรำข้าว (Rice bran) / รำและจมูกข้าว ที่มี gamma-oryzanol, tocopherols (วิตามินอี) และ phytosterols ซึ่งช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว


สรรพคุณและประโยชน์
จากองค์ประกอบข้างต้น สารสกัดข้าวน้ำนมหอมมะลิมีสรรพคุณและประโยชน์เหนือกว่า:

1. ให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟู Skin Barrier
- กรดอะมิโนและสารให้ความชุ่มชื้นธรรมชาติช่วยเพิ่มความสามารถของผิวในการกักเก็บน้ำ ลดการสูญเสียน้ำผ่านผิว (TEWL)
- วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการทำลายเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะ รังสี UV และความเครียดออกซิเดชัน ทำให้ผิวแข็งแรง

2. ปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดจุดด่างดำ
- ไนอะซินาไมด์ช่วยลดการส่งผ่านเมลานินไปยังชั้นผิวบน
- สารต้านอนุมูลอิสระและกรดเฟอรูลิกช่วยลดการสร้างเม็ดสีและการกระตุ้น tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสร้างเมลานิน

3. ชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย
- ปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินจากการถูกทำลาย
- ลดการอักเสบเรื้อรังซึ่งเป็นตัวเร่งการแก่ของผิว
- อาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นผิว และลดความหย่อนคล้อย

4. ปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง
- เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เพราะสารสกัดจากข้าวมักมีความอ่อนโยน
- ช่วยลดแผลสิวหรือผิวแดงหลังจากโดนแดดหรือสารเคมี

5. ผลบนเส้นผมและหนังศีรษะ
- ช่วยบำรุงหนังศีรษะที่แห้งหรือระคายเคือง
- โปรตีนและสารอาหารช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางาม ลดการแตกปลาย
- อาจช่วยลดการขาดหลุดร่วงถ้าสาเหตุหนึ่งมาจากความขาดสารอาหาร


แนวทางการสกัดและเกณฑ์คุณภาพที่ควรเลือก
เพื่อให้ได้สารสกัดข้าวน้ำนมหอมมะลิที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย:
1. เลือกข้าวหอมมะลิที่ปลูกอย่างออร์แกนิกหรือใช้วิธีปลอดสารพิษ — เพื่อหลีกเลี่ยงสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงและโลหะหนัก
2. เก็บเกี่ยวในช่วง “น้ำนม” — เมื่อเมล็ดยังอ่อน มีน้ำในเมล็ดสูง เพื่อให้สารอาหารเข้มข้น
3 วิธีสกัดอ่อนโยน เช่น cold‑press, extraction with food‑grade solvents (น้ำ, ethanol เบา ๆ), filtration และการควบคุมอุณหภูมิต่ำ เพื่อไม่ให้สารออกฤทธิ์โดนความร้อนทำลาย
4. ควบคุมความบริสุทธิ์ — ตรวจสอบว่าไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่มีสารกันเสียที่แรงเกินไป ไม่มีพาราเบนหรือสารที่ผู้แพ้ง่ายอาจแพ้
5. ทดสอบคุณสมบัติทางชีวภาพ เช่น antioxidant activity, tyrosinase inhibition, hydration capacity, barrier repair in vitro หรือในมนุษย์ เพื่อยืนยันประสิทธิภาพ


วิธีการใช้งานของผู้บริโภคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสารสกัดข้าวน้ำนมหอมมะลิอย่างเต็มที่ ควรปฏิบัติดังนี้:
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดนี้เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น เซรั่ม โลชั่น มาส์ก หรือโทนเนอร์
- เริ่มใช้บ่อยเป็นประจำ เช่น วันละสองครั้ง เช้า ‒ เย็น เพื่อให้สารออกฤทธิ์ทำงานสม่ำเสมอ
- ใช้ขณะผิวยังชื้นเล็กน้อย (หลังล้างหน้า) จะช่วยให้สารซึมผ่านผิวได้ดีขึ้น
- ใช้ร่วมกับกันแดด ในตอนเช้าเสมอ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระช่วยได้ แต่ไม่สามารถแทนกันแดดได้โดยตรง
- ผสมผสานกับสารเสริมอื่น ๆ เช่น ไฮยาลูโรนิกแอซิดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น วิตามินซีเพื่อเพิ่มคุณสมบัติ whitening หรือป้องกันอนุมูลอิสระ
- ทดสอบ Patch Test สำหรับผิวแพ้ง่ายก่อนใช้ทั่วใบหน้า


ข้อควรระวัง
- อาจมีอาการแพ้ในบางคนโดยเฉพาะผู้แพ้ข้าวหรือส่วนประกอบข้าว เช่น โปรตีนน้ำนมหรือสารอาหารบางตัว
- หากมีผิวอักเสบหรือมีแผลเปิดควรหลีกเลี่ยงจนกว่าผิวฟื้นตัว
- ตรวจสอบวันที่ผลิตและวันหมดอายุให้ดี เพราะสารออกฤทธิ์จากธรรมชาติอาจเสื่อมเร็วหากเก็บไม่ดี
- หลีกเลี่ยงสารเคมีแรงร่วมกันในช่วงเริ่มต้น เช่น AHA / BHA / Retinol ความเข้มข้นสูง

​​​​​​​
แนวโน้มและโอกาสในอนาคตสำหรับไทย

- การวิจัยเพิ่มเติมเฉพาะ “สารสกัดน้ำนมหอมมะลิ” เช่น in vitro / clinical trial เพื่อยืนยันประสิทธิภาพในกลุ่มคนไทย
- พัฒนาเทคโนโลยีการสกัดที่รักษาคุณค่าตามธรรมชาติไว้สูง เช่น extraction ภายใต้อุณหภูมิต่ำ หรือสกัดร่วมกับการหมัก (fermentation) เพื่อเพิ่มคุณค่า เช่นเพิ่มกรดอะมิโน วิตามิน และสารออกฤทธิ์อื่น ๆ
- มาตรฐานคุณภาพ GMP, ISO, อย. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในผู้บริโภค
- ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เช่น มาส์ก เซรั่ม ไนท์ครีม ที่เน้นกู้ผิว ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว และลดการอักเสบ


สารสกัดข้าวน้ำนมหอมมะลิ คือวัตถุดิบธรรมชาติที่มีศักยภาพสูงอย่างมากในด้านความงาม:
- ให้ความชุ่มชื้น ฟื้นฟูเกราะผิว
- ปรับสีผิวให้กระจ่างใส ลดรอยดำ ฝ้า กระ
- ชะลอวัย ลดริ้วรอย และเพิ่มความยืดหยุ่น
- ปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว

หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดคุณภาพดี ปลอดภัย และใช้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับการดูแลภายนอกอื่น ๆ เช่น กันแดด การพักผ่อนอย่างเพียงพอ โภชนาการที่ดี — ผู้บริโภคก็จะสามารถได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากสารสกัดข้าวน้ำนมหอมมะลิ และมีผิวที่แข็งแรง อ่อนเยาว์ และสวยอย่างยั่งยืน

คะแนนการรีวิว

คะแนนรวมจาก 0 ความคิดเห็น